จะซื้อรถยนต์ทั้งที ต้องดูทั้งดีไซน์ภายนอกและภายใน เบาะรถยนต์แบบไหนดีที่สุด เลือกเบาะผ้าหรือเบาะหนังดี?
เบาะรถยนต์ควรเลือกแบบไหน เบาะผ้ากับเบาะหนังแบบไหนดีกว่ากัน?
ในการตัดสินใจซื้อรถยนต์สักคัน ต้องดูจากองค์ประกอบหลายๆ อย่างรวมกัน นอกจากดีไซน์ภายนอกแล้ว ดีไซน์ภายในก็สำคัญ โดยเฉพาะเบาะรถยนต์ ที่มีให้เลือกทั้งแบบเบาะรถยนต์ที่เป็นผ้าและเบาะรถยนต์ที่เป็นหนัง สำหรับใครที่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกแบบไหนดี วันนี้เรามีข้อดี ข้อเสีย รวมไปถึงการดูแลรักษาเบาะรถยนต์แต่ละแบบมาฝาก เผื่อใช้เป็นตัวช่วยในการตัดสินใจได้บ้าง
เบาะผ้า
เป็นเบาะรถยนต์ที่ทำจากผ้าสังเคราะห์หรือผ้ากำมะหยี่ ขึ้นอยู่กับการออกแบบ ซึ่งถือเป็นเบาะที่ได้รับความนิยมอยู่พอสมควร เนื่องจากมีดีไซน์ที่หลากหลาย และมีต้นทุนการผลิตต่ำ
ข้อดีของเบาะผ้า
- มีราคาถูก เนื่องจากมีราคาวัตถุดิบที่ไม่สูง
- ถ่ายเทและเก็บกักความร้อนที่ค่อนข้างสเถียรกว่าเบาะหนัง ถึงจอดรถตากแดดก็จะร้อนน้อยกว่า
- ระบายความชื้นได้ดี
- มีลวดลายและสีสันให้เลือกอย่างหลากหลาย
ข้อเสียของเบาะผ้า
- สะสมกลิ่น ทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ง่าย
- เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค มักเป็นตัวดักจับฝุ่น
- มักทำให้เกิดไฟฟ้าสถิต จากการเสียดสีของเสื้อผ้ากับเบาะ
- ทำความสะอาดยาก เป็นคราบได้ง่าย
วิธีการดูแลเบาะผ้า
- ทำความสะอาดเป็นประจำ ด้วยการดูดฝุ่น เศษผง เศษขยะต่างๆ ออก
- ใช้แปรงและน้ำขัดบริเวณที่เป็นคราบฝังลึก
- ใช้ผ้าสะอาดเช็ดจนกว่าจะแห้ง อย่าปล่อยให้เบาะชื้นเพราะจะทำให้เกิดเชื้อราได้
เบาะหนัง
เป็นเบาะรถยนต์ที่ทำจากหนัง โดยหนังที่นำมาใช้จะถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
- หนังแท้ : เบาะหนังแท้จะทำมาจากหนังสัตว์ ช่วยเพิ่มความหรูหราได้เป็นอย่างดี โดยหนังสัตว์ที่ใช้จะผ่านการฟอกและย้อมสี ทำให้หนังไม่มีกลิ่น ทนทาน นุ่ม และมีความยืดหยุ่นสูง เก็บความชื้นได้ดีกว่าหนังเทียม ไม่อมความร้อน แต่จะดูแลรักษาได้ยากกว่า พยายามเลี่ยงการจอดรถตากแดดเป็นเวลานานๆ เพราะจะทำให้เบาะกรอบได้
- หนังเทียม : เบาะหนังเทียม จะใช้หนังที่ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อทดแทนหนังแท้ ราคาจะถูกกว่า ซึ่งหนังเทียมแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
- หนังเทียม PVC ที่ผลิตจากเนื้อพลาสติก Polyvinyl Chloride จะไม่นุ่มเหมือนหนังแท้ มีความแข็งกระด้าง แตกลายได้ง่าย
- หนังเทียม PU ที่ผลิตจากยาง Polyurethane มีความนุ่มคล้ายหนังแท้ มีอายุการใช้งานที่นานกว่าหนัง PVC
ข้อดีของเบาะหนัง
- มีผิวสัมผัสที่ดี
- ดีไซน์สวย ให้ความรู้สึกหรูหรา มีระดับ
- ไม่ซึมซับน้ำ ไม่เก็บความชื้น
- ดูแลทำความสะอาดได้ง่าย หมดกังวลเรื่องคราบฝังลึก
- ไม่สะสมกลิ่น ลดปัญหาการเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์
ข้อเสียของเบาะหนัง
- ดูดซับความร้อนง่าย ระบายความร้อนได้ช้า ทำให้รู้สึกร้อนมากเมื่อจอดรถตากแดด
- มีราคาสูง เนื่องจากหนังจะมีราคาสูงกว่าผ้า
- เบาะลื่นไม่เกาะผิวสัมผัส
- ตัวเบาะแตกลายได้ง่าย โดยเฉพาะเบาะที่ทำจากหนังเทียม
วิธีการดูแลเบาะหนัง
- ทำความสะอาดเป็นประจำ ด้วยการดูดฝุ่น เศษผง เศษขยะต่างๆ ออก
- ใช้น้ำยาทำความสะอาดหนังเช็ดคราบที่เป็นคราบฝังลึก แต่ถ้าไม่มีให้ใช้น้ำสบู่แทนได้
- เช็คทำความสะอาดด้วยผ้าสะอาดจนแห้งสนิท
- ใช้น้ำยาเคลือบเบาะหนังเพื่อคงความเงางามของหนังเอาไว้
ถ้าถามว่าเบาะรถยนต์แบบไหนดีกว่ากัน คงจะตอบได้ยาก ทางที่ดีควรเลือกแบบที่ถูกใจจะดีกว่า เพราะทั้งเบาะผ้าและเบาะหนังต่างก็มีข้อดี ข้อเสียของตัวเอง ลองเปรียบเทียบดูว่าอยากได้แบบไหนมากกว่ากัน ถ้าหากตัดสินใจได้แล้ว พร้อมซื้อรถใหม่ ก็อย่าลืมดูเรื่องประกันรถยนต์เอาไว้ด้วย โดยเฉพาะประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมเหมาะกับรถใหม่ และมือใหม่ สนใจทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ในราคาที่การันตรีว่าถูกที่สุด และสามารถผ่อนสบายๆ 0% นาน
สูงสุด 10 เดือน สามารถเข้าไปได้ที่ www.rabbitcare.com เรื่องประกันไว้ใจ Rabbit Care